
การเคหะฯ ร่วมกับองค์กรพัฒนาเมืองระดับสากล จัดสัมมนาวิชาการนานาชาติ พร้อมจัดนิทรรศการ “รวมพลังสร้างเมืองไทยให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน” แสดงนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย-เมือง-คุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนาวิชาการนานาชาติ “กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมืองในประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 มี.ค. ณ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว โดยมีพันธมิตรเข้าร่วมระดมสมองหาแนวทางสร้างเมืองไทย ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืนรองรับปัญหาขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว รวม 11 หน่วยงาน อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรุงเทพมหานคร และสมาคมอาคารชุดไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีองค์กรต่างชาติที่มีประสบการณ์พัฒนาเมืองอย่างได้ผล เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี และมาเลเซีย เข้าร่วมด้วย ขณะเดียวกัน คงพื้นที่สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเพื่อสันทนาการไว้
โดยสัมมนา 5 ประเด็น ได้แก่
1.การพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยตามโครงข่ายคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน
2.การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
3.การพัฒนาเมืองและบริหารจัดการเพื่อรองรับภาวะอุทกภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
4.การเงินเพื่อที่อยู่อาศัย
5.การพัฒนาเมืองวางผังเมืองและพัฒนาระบบบริการขั้นพื้นฐานของเมือง
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกส่งผลให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติถี่และรุนแรงขึ้น กรุงเทพฯ และเมืองทั่วโลกต่างประสบปัญหาการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ความแออัดของที่อยู่อาศัย การจราจรติดขัด มลพิษอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคไม่เพียงพอและล้าหลัง ถือเป็นวาระที่ต้องเร่งแก้ไข ต้องมีการวางแผนอย่างบูรณาการให้เป็นหนึ่งเดียวกันทุกระบบ ทั้งกำหนดการใช้พื้นที่บนดินและใต้ดิน เพื่อจัดระเบียบให้เมืองมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน มีความยืนหยุ่น มั่งคงปลอดภัย รักษาพื้นที่การพักผ่อนสันทนาการและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของเมืองไว้ ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านทั้งมาเลเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ต่างมุ่งวางแผนพัฒนาเมืองอย่างมีเอกภาพ เพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงปลอดภัยให้กับเมือง ทั้งประชาชนผู้อยู่อาศัยและธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่แก้ปัญหาในปัจจุบัน แต่ยังต้องรับมือกับขนาดของปัญหาและความต้องการในอนาคตด้วย
การสัมมนาครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน อาทิ การเตรียมตัวสู่การเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน ซึ่งไทยต้องเตรียมวางแผนพัฒนาเมืองอย่างมีเอกภาพ และแวดวงของสถาปนิกวิศวกร จะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ และเมืองก็จะมีความมั่นคงปลอดภัยจากภัยพิบัติ.
11 มี.ค. 2556 สำนักข่าวไทย