วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทำไมจึงเลือกซื้อบ้านจัดสรร


          

ซื้อบ้านจัดสรรดีอย่างไร


เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ คือ มีการกู้เงินจากสถาบันการเงินไปลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น จัดทำหมู่บ้านจัดสรรขาย การก่อสร้างอาคารชุดเพื่อจำหน่าย แต่มีส่วนบกพร่องบางประการที่เกิดจากความไม่รับผิดชอบของผู้ประกอบการเอง กล่าวคือ ในโครงการไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐานจึงขายไม่ได้ ทำให้ไม่มีเงินไปหมุนเวียนชำระหนี้ให้แก่สถาบันการเงิน จนเกิดเป็นหนี้เสียกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ส่วนประชาชนผู้บริโภคที่กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาซื้อบ้านจากโครงการซึ่งไม่ได้มาตรฐานไร้คุณภาพ ต้องเกิดภาระในการนำเงินไปซ่อมแซมบ้าน ทำให้เงินที่เตรียมไว้เพื่อชำระหนี้สถาบันการเงินส่วนหนึ่งถูกดึงไปใช้ในการซ่อมแซม ยังผลให้เงินที่ต้องชำระหนี้ไม่พอหนัก ๆ เข้าก็ขาดส่งต่อสถาบันการเงิน จนกลายเป็นหนี้เสียเช่นเดียวกัน ซ้ำร้ายยังต้องจำทนอยู่ในทำเลที่ไม่เหมาะสมทำให้ขาดคุณภาพชีวิตที่ดีไป ในทำนองที่ว่า "ซื้อบ้านผิดคิดจนบ้านพัง"
          สถานการณ์ปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการสร้างบ้านขายเป็นจำนวนมากเกินความต้องการของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบการจัดสรรหรืออยู่นอกระบบการจัดสรร ในขณะที่ผู้ซื้อก็มีโอกาสเลือกซื้อ ซึ่งในภาษาทางการตลาดเรียกว่า "โอกาสเป็นของผู้ซื้อ" ฉะนั้นเพื่อให้โอกาสเป็นของผู้ซื้อย่างแท้จริง จึงขอเสนอข้อแนะนำประกอบการตัดสินในซื้อว่า "ควรเลือกซื้อบ้านจากโครงการที่ได้รับอนุญาตให้ทำการจัดสรร" เพราะระบบการจัดสรรภายใต้กฎหมายควบคุมการจัดสรรที่ดิน ไม่ว่าจะดำเนินการได้รับอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 หรือได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 22 กรกฎาคม 2543) จะช่วยคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้ออันเป็นหลักประกันให้ผู้ซื้อในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
          1. ผู้ซื้อจะได้ที่อยู่อาศัยในทำเลที่เหมาะสมตามสภาพแห่งท้องที่ที่ตั้งโครงการ ในด้านการสาธารณสุขการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การคมนาคม การจราจร ความปลอดภัย การสาธารณูปโภค และการผังเมือง ตลอดจนการอื่น ๆ ที่จำเป็นเนื่องจากการที่จะอนุญาตให้ทำการ จัดสรรแต่ละโครงการ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขาอาชีพจะร่วมกันออกข้อกำหนดให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
          2. ผู้ซื้อจะได้รับสาธารณูปโภค หรือบริการสาธารณะ หรือการปรับปรุงที่ดิน ตามแผนผังโครงการ ภายในเวลาที่กำหนด เนื่องจากพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 กำหนดให้ผู้ขอจัดสรรจะต้องจัดหาธนาคารหรือสถาบันการเงินมาทำสัญญาค้ำประกันกับคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน และให้อำนาจคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน นำเงินไปดำเนินการจัดให้มีสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และปรับปรุงที่ดินได้
          3. ผู้ซื้อจะไม่ถูกผู้ประกอบการหลอกลวงโดยการโฆษณา เนื่องจากพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 บังคับไว้ว่า การโฆษณาในเรื่องเกี่ยวกับเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ขอจัดสรรบุริมสิทธิ์หรือภาระการจำนองของที่ดินจัดสรร จำนวนแปลงย่อย และเนื้อที่โดยประมาณโครงการปรับปรุงที่ดิน การจัดให้มีสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ แผนงาน โครงการ และระยะเวลาการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค วิธีการจำหน่ายและการชำระราคาหรือค่าตอบแทน ภาระผูกพันที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินจัดสรร แบบสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ตั้งสำนักงานชื่อธนาคารหรือสถาบันการเงินที่จะเป็นผู้ค้ำประกันการจัดให้มีสาธารณูปโภค บริการสาธารณะหรือการปรับปรุงที่ดิน จะต้องตรงกับหลักฐานและรายละเอียดที่กำหนดไว้ในคำขออนุญาตด้วย
          4. ผู้ซื้อจะได้ใช้สาธารณูปโภคและบริการสถานะตลอดไป โดยไม่ต้องกลัวว่าวันดีคืนดีจะมีใครมาปิดกั้นขัดขวางการใช้ เนื่องจาก พระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน บังคับไว้ว่าที่ดินอันเป็นสาธารณูปโภคและที่ดินที่ใช้เพื่อบริการสาธารณะปลอดจากบุริมสิทธิ์ในมูลซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์และภาระการจำนอง
          5. ผู้ซื้อจะไม่ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการในการเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจัดสรร เพราะจะต้องทำสัญญาตามแบบที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินกำหนด
          6. ผู้ซื้อไม่ต้องกลัวว่าผู้ขายจะฉ้อโกง โดยกล่าวหาว่าผู้ซื้อขาดการชำระเงินอีกต่อไป เพราะพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดินบังคับ ให้ผู้รับเงินออกหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้รับเงินให้ผู้ซื้อยึดถือไว้ และให้ถือว่าเป็นหลักฐานแสดงการชำระราคาที่ดินจัดสรร
          7. ผู้ซื้อไม่ต้องกลัวว่าเมื่อชำระราคาที่ดินครบถ้วนตามสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว ผู้ขายจะไม่โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อให้อีกต่อไป หรือกรณีที่ผู้ซื้อได้ชำระราคาที่ดินครบถ้วนตามสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว ผู้จัดสรรที่ดินเป็นบุคคลธรรมดาตาย หรือที่เป็นนิติบุคคลเลิกไปก็ยังสามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาเป็นของผู้ซื้อได้ เพราะผู้ซื้อสามารถนำหลักฐานเป็นหนังสือที่แสดงว่า ได้ชำระราคาพร้อมโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปขอจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ ถ้าไม่สามารถนำโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาได้ก็สามารถร้องขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่เรียกมาได้ และถ้าพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่ผู้ยึดถือหรือครอบครองโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้รับแจ้ง ถ้ายังไม่ส่งมอบให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็มีอำนาจออกใบแทนแล้วจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้แก่ผู้ซื้อได้
          8. ผู้ซื้อได้รับหลักประกันว่าบรรดาสาธารณูปโภคตามแผนผัง โครงการ เช่น ถนน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น จะได้รับการบำรุงรักษาโดยผู้ประกอบการจนกว่าผู้ซื้อที่ดินจัดสรรได้จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลอื่นรับโอนไปจัดการและดูแลบำรุงรักษาเอง เพราะพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดินบังคับให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดหาธนาคาร หรือสถาบันการเงินมาทำสัญญาค้ำประกันการบำรุงรักษาและให้อำนาจคณะกรรมการจัดสรรที่ดินสามารถนำเงินไปใช้ในการบำรุงรักษาได้ หากผู้จัดสรรที่ดินไม่จัดทำสาธารณูปโภคในระยะเวลาอันสมควร
          9. ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรในโครงการเดียวกัน ถ้าประสงค์ที่จะดูแลบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะกันเอง ก็สามารถดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเพื่อทำหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาได้ โดยเฉพาะการจดทะเบียนโอนที่ดินที่ใช้เป็นสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะกฎหมายบัญญัติให้ยกเว้นทั้งค่าธรรมเนียมจดทะเบียน ค่าภาษี และอากร
          จากหลักประกันดังกล่าวข้างต้นคงจะช่วยให้ผู้ที่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัยตัดสินใจได้ว่า ซื้อบ้านจัดสรรนั้นดีอย่างไร โดยท่านจะได้ไม่ต้องช้ำใจถึงขนาด "ซื้อบ้านผิด คิดจนบ้านพัง" และถ้าเลือกซื้อจากโครงการที่อยู่ในระบบจัดสรร โปรดมองหาใบอนุญาต แผนผังโครงการ และวิธีการที่คณะกรรมการอนุญาตในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ สำนักงานที่ทำการจัดสรรที่ดินด้วย เพราะพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 มาตรา 31 บังคับไว้ หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้โดยตรงที่สำนักงานส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โทร. 662-3480
          

ที่มา: กรมที่ดิน       

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อสังหาฯชายแดนใต้คึกคัก

                                                  



อสังหาฯชายแดนใต้คึกคักกลุ่มทุนแห่ผุดโครงการรับเออีซี 


ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ แต่บรรยากาศการลงทุนกลับมีความเคลื่อนไหวในมุมที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักที่ ผลักดันให้โครงการก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัยในเขตตัวเมืองปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีความคึกคักจากราคายางพาราที่สูงเกินกิโลกรัมละ 100 บาทเมื่อปี 2554

นายปกรณ์ ปรีชาวุฒิเดช ประธานคณะกรรมการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) กล่าวว่า  ช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ เปิดตัวโครงการบ้านที่อยู่อาศัยออกมาจำนวนมาก ทุกโครงการได้รับตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เริ่มที่ราคา 2.8 ล้านบาท

"สัญญาณความคึกคักโครงการที่อยู่บ้านอาศัยในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา  ขณะนี้แรงซื้อของตลาด ในพื้นที่ ยังคงมีสูงส่งผลให้ราคาที่ดิน เขตเมืองยะลา นราธิวาส และปัตตานี ขยับสูง" นายปกรณ์ กล่าว หากมองระยะใกล้ช่วงปี 2558 การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ยิ่งทำให้พื้นที่ชายแดนภาคใต้มีความน่าสนใจแง่การลงทุน เพราะความได้เปรียบเรื่องภาษา  การสื่อสารของชาวมลายูมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ สามารถเชื่อมโยงการสื่อสารกับประชากร 300 ล้านคนในภูมิภาคนี้ โดยใช้ภาษาบาฮาซา ยิ่งทำให้กลุ่มทุนให้ความสนใจพื้นที่แห่งนี้มากขึ้น

เมื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะโครงการที่มีการลงทุนนำร่องโดยรัฐเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่ ยิ่งกระตุ้นความน่าสนใจของ นักลงทุนต่างประเทศพัฒนาการลงทุนสู่ประตูอาเซียน สำหรับโครงการ "ปัตตานีจายา" ทุนขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปัตตานี ริมถนนสายที่ 42 ปัตตานี-นราธิวาส ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี บนเนื้อที่ 1,300 ไร่ ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ปัตตานี จายา โฮลดิ้ง จำกัด ถือเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดความคึกคักในพื้นที่

ขณะเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหว จากกลุ่มเอกชนในพื้นที่ยะลา ของกลุ่มทุนจากส่วนกลาง เช่น เครือเซ็นทรัล กรุ๊ป  สนใจจะลงทุนในพื้นที่

นายณพพงศ์ ธีระวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด  ในฐานะประธานหอการค้าจังหวัดยะลา กล่าวว่าแม้สถานการณ์ความไม่สงบจะส่งกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนในพื้นที่ต้องอพยพ หรือย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น เพียงแค่หาพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น  ทำให้อสังหาฯในพื้นที่เขตเมืองได้รับอานิสงส์ เช่น เขตเมืองยะลาที่ธุรกิจอสังหาฯ ขยายตัวต่อเนื่อง  มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.คนจากพื้นที่รอบนอกเข้าซื้อที่อยู่อาศัย เพราะมองว่าเขตเมืองเป็นพื้นที่ปลอดภัย เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ  ปัจจัยที่ 2  ผลพวงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจาก 3% เหลือ 0.1% รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เหลือเพียง 0.1%  ทำให้ต้นทุนภาคธุรกิจอสังหาฯลดลง จึงสามารถลงทุนโครงการได้มากขึ้น และปัจจัยที่ 3 คือราคาสินค้าเกษตรหลักอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทำให้ มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยได้ไม่ลำบาก

ปัจจุบันที่ดินในพื้นที่เขตเทศบาลราคาเฉลี่ย 4-5 ล้านบาทต่อไร่ ถือว่าสูงกว่าราคาประเมิน 10%  ส่วนนอกเขตเทศบาลเฉลี่ย  1 ล้านบาทต่อไร่ ทำให้ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและอาคารพาณิชย์ขยับตัวตาม โดยเฉพาะย่านสำคัญ เช่น ตลาดเมืองใหม่ สะเตงนอก ถนนเวฬุวัน ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ราคาเริ่มต้น 1.5 -2 ล้านบาท ขณะที่บ้านเดี่ยว ขยับออกไปพื้นที่ชานเมืองราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2-3 ล้านบาท

"ด้วยระบบการวางผังเมืองที่ดีของยะลา ทำให้เอื้อต่อการขยายตัวของ อสังหาฯทำได้ง่าย  นักลงทุนกล้าตัดสินใจผุดโครงการบ้านและที่อยู่อาศัยรองรับ ความต้องการ"ล่าสุดมีกลุ่มทุนใหญ่เข้าลงทุนห้างสรรพสินค้ากลางเมืองยะลาบ้างแล้ว  เชื่อว่าการขยายตัวของอสังหาฯจะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพื้นที่รองรับการเปิดเออีซี"

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ 70% ยัง เป็นทุนในพื้นที่เป็นหลัก ส่วนที่เหลือเป็นทุนจากมาเลเซีย และกลุ่มตะวันออกกลางที่ เข้ามาในรูปแบบการช่วยเหลือของมูลนิธิ   เช่น  โครงการปัตตานีจายา จ.ปัตตานี   กลุ่มเป้าหมาย เน้นเจาะกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยพี่น้องมุสลิมโดยตรง

นายสมศักดิ์ อิสริยะภิญโญ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขยายตัวของภาคธุรกิจด้านอสังหาฯ ทั้งสามจังหวัดเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะปัตตานีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีโครงการขนาดใหญ่เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทถึง 3 โครงการ เช่น โครงการปัตตานีจายา 6,000 ล้านบาท โครงการปัตตานีเพล ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และโครงการปาร์ควิวที่มีทั้งโรงแรมและอาคารพาณิชย์ครบครัน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการขนาดกลาง และเล็กอีกกว่า10 โครงการ ไม่ว่าบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม แต่ละโครงการเปิดขายในราคาที่สูงเช่นเดียวกัน

การโตแบบก้าวกระโดดของอสังหาฯทำให้มั่นใจว่าธุรกิจในภาคส่วนอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมฮาลาล สามารถโตได้หาก นักลงทุนมั่นใจในการลงทุน

          "จุดเด่นของปัตตานีที่สามารถก้าวสู่การแข่งขันระดับอาเซียนเมื่อเปิดเสรีการค้าปี 2558 ได้ นั่นคือแหล่งวัตถุดิบหลักไม่ว่าจะเป็นทางด้านประมง น้ำมันปาล์ม ยางพารา รวมถึงแหล่งอาหารที่เป็นอาหารฮาลาลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญดึงนักลงทุนเข้ามาในพื้นที่ได้ในอนาคต" นายสมศักดิ์ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  
 สุพิชฌาย์ รัตนะ
02 พฤษภาคม 2556

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

อสังหาฯรุ่ง เครื่องใช้ไฟฟ้าขายดี+อากาศที่ร้อน

      








อสังหาฯ รุ่งดันเครื่องใช้ไฟฟ้าขายดี



นางสาวสอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร "เพาเวอร์บาย" เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมกำลังซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2 จะได้รับแรงจากธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้เกิดความต้องการสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าตามมา ประกอบกับช่วงนี้อากาศร้อนทำให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศผ่านร้านเพาเวอร์บายช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.ที่ผ่านมา เติบโตสูงถึง 45% ซึ่งโตกว่าตลาดรวมที่โตเพียง 15% และเชื่อว่าช่วงเดือน เม.ย.นี้ จะเติบโต 50%.
                                            

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556